วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตราหมีแฮปปี้ 'หัวหอก' คัมแบ็ก


เจ้าของทีมตราหมีเชื่อว่าการกลับมาที่บิเซนเต้ กัลเดรอนของเอล นินโญ ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่มีความสุข แต่ทุกคนในวงการฟุตบอลต่างมีความรู้สึกเช่นเดียวกับพวกเขา
เอ็นริเก้ เซเรโซ ประธานสโมสรแอตเลติโก มาดริด เชื่อว่าการกลับมาของเฟร์นานโด ตอร์เรส ไม่ใช่แค่สโมสรของเขาเท่านั้นที่มีความสุข แต่ทุกคนในวงการฟุตบอลต่างมีความสุขด้วยเช่นกัน
ตราหมีเพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อสองวันก่อนว่าพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงในการค้วาตัวเอล นินโญ กลับมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งปีครึ่ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 5 มกราคมนี้
"การกลับมาของตอร์เรสถือเป็นซูเปอร์ข่าวดีของแอตเลติโก มาดริดและวงการฟุตบอล นี่ไม่ใช่แค่ความต้องการของคนบางส่วน แต่สตาฟฟ์โค้ชทุกคน, สโมสร, แฟนบอลต่างต้องการเขากันหมด และตอนนี้เขาก็มาอยู่กับเราแล้ว" เซเรโซ กล่าว
ด้าน มิเกล อังเกล กิล มาริน ซีอีโอของทีมก็กล่าวว่า "เรามีความสุขกับการตัดสินใจครั้งนี้ ปี 2007 ทีมของเราประสบวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ต้องปล่อยเฟร์นานโดออกไปเพื่อให้ทีมเดินต่อไปได้ เขาคว้าแชมป์มากมายทั้งฟุตบอลโ,ก, แชมป์ยูโรและแชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนเราก็คว้าแชมป์มากมาย ปี 2014 เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังแยกย้ายกันไปประสบความสำเร็จ"
โดยมีการคาดการณ์ว่าการลงสนามนัดแรกในสีเสื้อแดง-ขาวของตอร์เรสนั้นอาจจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเกมที่จะต้องทำศึกมาดริด ดาร์บี้กับเรอัล มาดริดในศึกโกปา เดล เรย์วันที่ 7 มกราคม




Read more at http://www.fourfourtwo.com/th/news/pthaetmaadrid-echuuetrerskhamaebkhtraahmiiaehppiithangolk#FcYqe3Rob55h0iPQ.99

คนที่เยี่ยมที่สุดสำหรับ หัวหอก 'ตอร์เรส'

     เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก๋าชาวสเปนของ แอตเลติโก มาดริด ออกมายอมรับว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันชาวอังกฤษของ ลิเวอร์พูล เพื่อนเก่าของเขาคือนักฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเล่นด้วยกันมาตลอดการค้าแข้ง

     "ผมคิดว่าผมโชคดีที่ได้เคยเล่นร่วมกับนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมมานับไม่ถ้วน แต่สำหรับผม คนที่เยี่ยมที่สุดก็ต้องเป็น เจอร์ราร์ด"

     "ผมจะเลือกเขาตลอดไป หากผมจำเป็นต้องมีเขาในทีมของผม ยามที่ผมมีเขาอยู่ข้างหลัง สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดการค้าแข้งฟุตบอล เขาคือแข้งในอุดมคติของผมอย่างแท้จริง"

     ที่ผ่านมา ตอร์เรส เคยลงเล่นร่วมกับ เจอร์ราร์ด ที่ ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 2007 - 2011 ก่อนจะเลือกย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในเวลาต่อมา

หมี vs. ราชัน ศึก ชปล. พิเศษสุดในอาชีพ !


เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมแอตเลติโก มาดริด ระบุ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัด 2 ที่ทีมของเขาจะพบกับ เรอัล มาดริด วันพุธนี้ จะเป็นแมตช์พิเศษที่สุดในอาชีพค้าแข้งของตนเอง...


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 21 เม.ย. ว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าชาวสเปน ของ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด สโมสรแกร่งแห่งศึก ลา ลีกา สเปน เผย เกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัด 2 ที่ทีมของเขาจะพบกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ในวันพุธนี้ จะเป็นแมตช์พิเศษที่สุดในอาชีพของเขา

เกมนัดแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แอตเลติโก มาดริด เปิดบ้านเสมอกับ เรอัล มาดริด ไป 0-0 ทำให้เกมนี้ทั้งสองทีมจะต้องเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกแน่นอน เพื่อคว้าตั๋วรอบรองชนะเลิศ โดยตอร์เรส เผยว่า เกมนี้จะเป็นแมตช์พิเศษที่สุดในอาชีพของตนเองเลยทีเดียว

"ผมโชคดีที่เคยเล่นในรอบชิงชนะเลิศของศึกแชมเปียนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก มาแล้ว แต่กับ แอตเลติโก มันแตกต่างกัน ผมเคยพูดเสมอว่า ความฝันของผมคือการคว้าแชมป์กับแอตเลติโก มาดริด และเราต้องสู้ต่อไป ผมเคยเล่นในเกมที่สำคัญมากกว่านี้ แต่มันไม่ได้เป็นเกมที่พิเศษแบบนี้" ตอร์เรส กล่าว

ยุคนี้!!! หมี ไม่กลัว ราชัน


เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกแอตเลติโก มาดริด เผยทีม "ตราหมี" ยุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ พัฒนาขึ้นกว่าสมัยที่เขาอยู่ตอนแรกเยอะ รวมถึงผลงานยามเจอกับ เรอัล มาดริด อริร่วมเมือง ที่เดี๋ยวนี้ไม่มีหงอ ลงไปเพื่อกดให้อยู่หมัด และต้องการคว้าชัยชนะทุกครั้ง 
        เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกสแปนิช ของ แอตเลติโก มาดริด เผยทีม "ตราหมี" เปลี่ยนไปเยอะในยุคสมัยของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ โค้ชชาวอาร์เจนไตน์ โดยไม่เหลือคราบของทีมอ่อนชั้นเหมือนแต่ก่อน และเกมดาร์บี้แมตช์กับ เรอัล มาดริด ที่สนาม บิเซนเต้ กัลเดร่อน วันเสาร์ที่ 7 ก.พ. นี้ ทีมมีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะทุบอริร่วมเมืองอยู่หมัดแน่นอน

            ตอร์เรส เป็นผลผลิตจากระบบเยาวชนของทีม "อัตเลติ" ที่เติบโตขึ้นมาเจิดจรัส และได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมมาแล้ว ก่อนจะย้ายไป ลิเวอร์พูล ปี 2007 และจะมีโอกาสเจอกับ "ราชันชุดขาว" ในเกมลีกนัดสำคัญที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ 

            ตั้งแต่ย้ายมา "เอล นินโญ่" ได้ลงเจอ มาดริด ไปแล้วในเกมโกปา เดล เรย์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย และเขาเหมายิง 2 ลูกในเกมเลกสองที่เสมอกัน 2-2 (รวม แอตเลติโก ชนะ 4-2) และสถิติของทีม "ตราหมี" กับ มาดริด ตลอด 5 นัดหลังสุดทุกรายการ พวกเขาไม่มีแพ้ ผิดกับสมัยที่ ตอร์เรส ยังอยู่ที่พวกเขาจะเป็นเหมือนทีมลูกไล่ของ มาดริด เสมอ

            "คุณจะเห็นว่าทุกคนตั้งตารอเกมนี้มาก ไม่เพียงแค่นักเตะ แต่แฟนบอลด้วย เหตุผลเพราะคุณสู้ได้ และเราจะลงไปเล่นเพื่อชนะ ไม่ใช่รอดูว่ามันออกมายังไงเหมือนสมัยก่อน เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรถึงจะมีโอกาสชนะ และทุกก็รู้เช่นกัน" ตอร์เรส กล่าว

ร่วมอำลา 'ตอร์เรส'

ตอร์เรสแถลงระหว่างอยู่ในดูไบหลังเพิ่งยืนยันการย้ายสังกัดไม่นานว่า"เชลซีให้ในสิ่งที่ผมมองหามาตลอด ...ตอนผมย้ายออกจากลิเวอร์พูล....นั่นคือถ้วยรางวัล"   "ผมจะมองว่ามันคือความสำเร็จอยู่เสมอ"

" สำหรับผม 3 ปีครึ่งที่เชลซีเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าเชื่อ ผมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้า ลีก และเอฟเอ คัพ เชลซีให้ในสิ่งที่ผมต้องการตอนที่ย้ายออกจากสเปนและลิเวอร์พูล นั้นคือแชมป์ "
# เฟอร์นันโด ตอเรส กล่าวไว้ส่วนหนึ่ง.




www.ssballthai.in.th

3 ปีครึ่ง กับ 'สิงห์บลู'

        หากอยากให้เห็นภาพง่ายๆ เขาพกสถิติ 65 ประตูจากเกมลีก 102 นัด กับ "หงส์แดง" ก่อนมาที่นี่ แต่กับเชลซีเขายิงเพียง 20 ประตูจาก 110 เกมลีกเท่านั้น
 
        หัวหอกสแปนิชไม่เคยถูกมองเป็นตัวเลือกแรกของทีมเลย ไม่ว่าจะยุคของคาร์โล อันเชล็อตติ, อังเดร วิลลาช โบอาช, โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ รวมถึง โชเซ่ มูรินโญ่  แม้กระทั่ง ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตเจ้านายที่ว่ากันว่ารู้วิธีรีดศักยภาพ "เอล นินโญ่" ออกมาได้ดีที่สุด ก็ไม่สามารถเค้นส่วนนั้นออกมาจาก ตอร์เรส ภายใต้อาภรณ์ "สิงห์บลูส์" ได้
 
        ฟอร์มที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือให้พูดตรงๆ ก็คือร้ายมากกว่าดี ทำให้อดีตเจ้าของสถิติค่าตัวแข้งแพงสุดเกาะอังกฤษ ถูกแฟนบอลฝ่ายตรงข้ามโห่ฮาล้อเลียนแทบทุกสนามที่ไปเยือน หนักข้อเข้าแม้แต่คนใกล้ตัวที่ควรมอบกำลังใจให้กันอย่างสาวกเชลซี ก็อดรนทนไม่ไหวกับฟอร์มห่วยไม่บันยะบันยัง จัดการโห่ใส่ให้เจ็บช้ำน้ำใจเล่นอีกต่างหาก
 
        จากสีหน้ากระชุ่มกระชวยในวันที่สวมเสื้อสีแดงสดของลิเวอร์พูล นับวันใบหน้าของตอร์เรสยิ่งหมองหม่นลงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือเค้าความสุขให้เห็นแม้แต่น้อย
 
        และเมื่อความมั่นใจในตัวเองที่เคยมีไม่เหลือหรอ แถมความไว้ใจจากกุนซือก็ใกล้แตะเลขศูนย์เต็มทน ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดของดาวยิงแก้มแดงคือประตูทางออกเท่านั้น
 
        เอซี มิลาน คือทีมที่พร้อมให้โอกาสตอร์เรส ด้วยสัญญายืมตัว 2 ฤดูกาล หรือพูดให้เห็นภาพชัดเจนคือ "ยืมขาด" เพราะเจ้าตัวเหลือสัญญากับเชลซีเพียงแค่ 2 ฤดูกาลเท่ากัน เรียกว่าหมดสัญญายืมตัวเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่กันแล้ว
 
        ดังนั้นเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่เราจะได้เห็นตอร์เรสกับชุดสีฟ้าในกรุงลอนดอนอีก ฉากจบของเขากับทีมปิดไปเรียบร้อยชนิดไม่มีโอกาสได้บอกลาแฟนบอลในสนาม เพราะซีซั่นใหม่นี้เขายังไม่โอกาสสัมผัสเกมเลยแม้แต่วินาทีเดียว
 
        เพื่อไม่ให้แฟนบอลสิงห์บลูส์ลืมเรื่องราวของเจ้าของค่าตัวสถิติสโมสรกันเร็วเกินไป เรามาย้อนดูเรื่องราวตลอด 3 ปีครึ่งที่ ตอร์เรส ฝากไว้กับทีมกันดีกว่า
 
- ฤดูกาล 2010–11 -
        วันที่ 27 มกราคม 2557 เงิน 40 ล้านปอนด์ถูกลิเวอร์พูลบอกปัดแบบไยดี 4 วันหลังจากนั้นข้อเสนอที่เพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านปอนด์ถูกตอบรับ ตอร์เรส สะบัดน้ำหมึกเซ็นสัญญายาว 5 ปีครึ่งในวันเดียวกัน
 
        ทว่าตลอดครึ่งซีซั่นหลังนี้ไม่มีเรื่องราวน่าประทับใจแม้แต่น้อย แถมมีสถิติตีนบอดยาวนาน 903 นาทีที่กองหน้ารายไหนก็คงไม่อยากได้ติดมาด้วย
สรุป - 18 นัด 1 ประตู
 
- ฤดูกาล 2011–12 -
        ตอร์เรส ออกสตาร์ทได้ดูดีกว่าซีซั่นก่อน ด้วยรูปร่างที่ดูปราดเปรียวและความเร็วที่เหมือนจะกลับมาดี ทว่าได้แค่เดือนเดียวทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม เริ่มจากลูกหลุดเดี่ยวที่ยิงใส่แมนฯยูไนเต็ด ออกไปไกล ตามด้วยใบแดงในเกมกับสวอนซี ทำให้ทุกอย่างพังทลายทันตา โดยมีช่วงหนึ่งที่เขายิงไม่เป็นถึง 24 นัดติดต่อกัน
 
        เรื่องราวที่น่าจดจำที่สุดในปีนี้ของตอร์เรส เห็นจะเป็นแฮตทริกแรกกับทีมในเดือนเม.ย. 2012 และประตูย้ำชัยใส่ บาร์เซโลน่า พาทีมลิ่วสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนมีส่วนร่วมในรอบชิงฯและคว้าแชมป์ในบั้นปลาย พ่วงด้วยเอฟเอ คัพ อีกใบ
สรุป - 49 นัด 11 ประตู

- ฤดูกาล 2012-13 -
        นี่คือซีซั่นที่ผลงานส่วนตัวของตอร์เรสกับเชลซีดีที่สุด เขาออกสตาร์ทได้สวยอีกครั้ง ประเดิมประตูแรกได้ตั้งแต่เดือนส.ค. พาทีมนำจ่าฝูงในช่วงต้นฤดูกาล แถมการจากไปของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา บวกด้วยการเข้ามาของ "เอล ราฟา" ทำให้โอกาสลงสนามของเขายิ่งมีมากขึ้น
 
        อย่างไรก็ตาม ตอร์เรส ยังคงมีช่วงฝืดเหมือนเดิม เขาร้างสกอร์นานถึง 11 ชั่วโมงตอนกลางซีซั่น แต่อย่างน้อยเขาก็มีสถิติ "นักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้7 รายการในซีซั่นเดียว" หลังทำประตูใส่สเตอัว บูคาเรสต์ ในศึกยูโรป้า ลีก เมื่อเดือนมี.ค. หอกสแปนิชจบซีซั่นได้สวยงาม ด้วยประตูในรอบชิงชนะเลิศบอลยุโรปถ้วยเล็ก พาทีมชนะเบนฟิก้า 2-1 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
สรุป - 64 เกม 22 ประตู
 
- ฤดูกาล 2013-14 -
        การกลับมาคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ ที่หอบหิ้ว ซามูเอล เอโต้ อดีตศิษย์รักมาด้วย ทำให้โอกาสลงสนามของตอร์เรสลดลงถนัดตา เขายิงประตูในศึกยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ได้ แต่เดือนถัดก็มาโดนใบแดงในเกมลีก ทำให้เขาโดนไล่ออกตลอด 3 ฤดูกาลหลังกับทีม
 
        เอล นินโญ่ ยิงคนเดียว 2 ประตู ในเกมที่เขาลงเล่นตัวจริงให้กับเชลซีเป็นนัดที่ 100 เอาชาลเก้ 04 3-0 แต่จากนั้นฟอร์มของเขาก็แย่ลงต่อเนื่อง โอกาสลงตัวจริงน้อยนิด ยามได้โอกาสก็เค้นฟอร์มไม่ออก และจบซีซั่นไปแบบมือเปล่า
สรุป - 41 นัด 11 นัด
 
        รวมแล้วตลอด 3 ปีครึ่งกับเชลซี ตอร์เรส ลงสนามไป 172 นัด ยิงไป 45 ประตู และไม่เคยมีซีซั่นไหนเลยที่เขายิงในลีกได้ถึงเลข 2 หลัก เรียกว่าแตกต่างจากยามเล่นให้ลิเวอร์พูลชัดเจน ที่นั่นเขายิงไปทั้งสิ้น 81 ประตู ในช่วง 3 ปีครึ่งเท่ากัน
 
        "ไม่มีงานเลี้ยงใด ไม่มีวันเลิกรา" คำกล่าวนี้ยังคงเป็นอมตะ งานเลี้ยงที่เชลซีของตอร์เรสอาจจะกร่อยสุดๆ ทว่าด้วยวัย 30 ปีเขายังมีโอกาสจัดงานเลี้ยงใหม่ให้สนุกได้อยู่
 
        การเลือกยุติงานเลี้ยงนี้ แล้วไปตามหาความสุขจากที่อื่น เป็นสิ่งที่ตอร์เรสต้องตัดสินใจเลือก และแม้ผลงานที่เขาฝากไว้กับ "สิงห์บลูส์" จะไม่ชวนจดจำนัก
 
        แต่ก็เชื่อว่าแฟนบอลเลือดน้ำเงินคงไม่ใจร้ายเกินไป และน่าจะอยากเห็นเขาไปได้ดีกับมิลาน เช่นเดียวกับแฟนบอลทั้งโลกที่ต่างเฝ้ารอดูวันที่ตอร์เรสจะกลับมายิงกระจุย สร้างสีสันให้วงการแบบที่เขาเคยทำได้เมื่อ 5-6 ปีก่อนอีกครั้ง
 

'ตอร์เรส' ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด

ฟุตบอล : นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2011 ที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติในเกาะอังกฤษ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) จนถึงวันนี้ยังแฟนบอลหลายคนคิดว่าดาวยิงวัย 29 ปีเล่นให้กับ เชลซี ได้ไม่เหมือนกับที่เล่นให้ ลิเวอร์พูล

วันนี้เราจะมาประเมินผลงานของดาวยิงวัย 29 ปีให้ชมกัน ตอร์เรส ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาอยู่กับ เชลซีในวันที่ 31 มกราคม 2011 วันที่เป็นเส้นตายของตลาดซื้อขายนักเตะช่วงฤดูหนาว ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวยิง 81 ประตูจาก 142 เกมที่ลงสนามให้กับลิเวอร์พูล โดยตอนที่ เชลซี ใช้เงินจำนวน 50 ล้านปอนด์ ซื้อตัว ตอร์เรส มาร่วมทีมนั้นหวังที่จะเอามาจับคู่กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา อดีตศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมแต่ ตอร์เรส ก็โดนบดบังรัศมีไปหมดในตอนนั้น ครึ่งฤดูกาลแรกของ ตอร์เรส กับ เชลซี เจ้าตัวยิงได้เพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้น


ในฤดูกาลต่อมา ตอร์เรส มีโอกาสลงสนามเล่นคู่กับ ดร็อกบา มากขึ้นโดยสามารถพา เชลซี คว้าแชมป์เอฟเอ คัพและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาลนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือนเดิมเนื่องจากยังไม่สามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ

หลังจากฤดูกาลนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ดร็อกบา ก็ย้ายออกจาก เชลซี ดังนั้นศูนย์หน้าตัวหลักของทีมก็คือตอร์เรส ที่แฟนๆ เชลซี หลายคนหวังเอาไว้ ซึ่งถ้ามองกันตรงๆในฤดูกาลนี้ ตอร์เรส ยิงประตูได้ถึง 22 ประตูในทุกรายการที่ลงสนามมากกว่านักเตะอย่าง เวย์น รูนี่ย์, เซร์คิโอ กุน อเกวโร่, ลูคัส โพดอลสกี้ และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 4 ศูนย์หน้าตัวดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ ตอร์เรส เปิดหัวด้วยการยิงประตูใส่ คอลเทล พานทิลิม่อน ผู้รักษาประตูของ แมนฯ ซิตี้ ในฟุตบอลคอมมิวนิตี้ ชิลด์และยิงมาเรื่อยๆจนไปถึงฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพด้วย

เขายังยิง 6 ประตูในศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้าลีกที่เชลซี คว้าแชมป์ได้ด้วย นอกจากกับ เชลซี แล้วเขายังได้รางวัลดาวซัลโวในฟุตบอลยูโร 2012 กับทีมชาติสเปนด้วย รวมไปถึงฤดูกาล 2013/14 ที่เพิ่งจะเปิดขึ้นเขายังยิงประตูในเกมยูฟ่า ซูเปอร์คัพที่พบกับ บาเยิร์น มิวนิค

ดังนั้น ตอร์เรส อาจจะไม่ได้เหมือนคนที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล แต่เมื่อเขามาเล่นให้กับ เชลซี เขาก็เล่นได้ไม่ห่างจากช่วงเวลานั้นสักเท่าไหร่เนื่องจากยิง 35 ประตูไปแล้วให้กับ เชลซี ในทุกรายการที่ลงสนาม