หากอยากให้เห็นภาพง่ายๆ เขาพกสถิติ 65 ประตูจากเกมลีก 102 นัด กับ "หงส์แดง" ก่อนมาที่นี่ แต่กับเชลซีเขายิงเพียง 20 ประตูจาก 110 เกมลีกเท่านั้น
หัวหอกสแปนิชไม่เคยถูกมองเป็นตัวเลือกแรกของทีมเลย ไม่ว่าจะยุคของคาร์โล อันเชล็อตติ, อังเดร วิลลาช โบอาช, โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ รวมถึง โชเซ่ มูรินโญ่ แม้กระทั่ง ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตเจ้านายที่ว่ากันว่ารู้วิธีรีดศักยภาพ "เอล นินโญ่" ออกมาได้ดีที่สุด ก็ไม่สามารถเค้นส่วนนั้นออกมาจาก ตอร์เรส ภายใต้อาภรณ์ "สิงห์บลูส์" ได้
ฟอร์มที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือให้พูดตรงๆ ก็คือร้ายมากกว่าดี ทำให้อดีตเจ้าของสถิติค่าตัวแข้งแพงสุดเกาะอังกฤษ ถูกแฟนบอลฝ่ายตรงข้ามโห่ฮาล้อเลียนแทบทุกสนามที่ไปเยือน หนักข้อเข้าแม้แต่คนใกล้ตัวที่ควรมอบกำลังใจให้กันอย่างสาวกเชลซี ก็อดรนทนไม่ไหวกับฟอร์มห่วยไม่บันยะบันยัง จัดการโห่ใส่ให้เจ็บช้ำน้ำใจเล่นอีกต่างหาก
จากสีหน้ากระชุ่มกระชวยในวันที่สวมเสื้อสีแดงสดของลิเวอร์พูล นับวันใบหน้าของตอร์เรสยิ่งหมองหม่นลงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือเค้าความสุขให้เห็นแม้แต่น้อย
และเมื่อความมั่นใจในตัวเองที่เคยมีไม่เหลือหรอ แถมความไว้ใจจากกุนซือก็ใกล้แตะเลขศูนย์เต็มทน ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดของดาวยิงแก้มแดงคือประตูทางออกเท่านั้น
เอซี มิลาน คือทีมที่พร้อมให้โอกาสตอร์เรส ด้วยสัญญายืมตัว 2 ฤดูกาล หรือพูดให้เห็นภาพชัดเจนคือ "ยืมขาด" เพราะเจ้าตัวเหลือสัญญากับเชลซีเพียงแค่ 2 ฤดูกาลเท่ากัน เรียกว่าหมดสัญญายืมตัวเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่กันแล้ว
ดังนั้นเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่เราจะได้เห็นตอร์เรสกับชุดสีฟ้าในกรุงลอนดอนอีก ฉากจบของเขากับทีมปิดไปเรียบร้อยชนิดไม่มีโอกาสได้บอกลาแฟนบอลในสนาม เพราะซีซั่นใหม่นี้เขายังไม่โอกาสสัมผัสเกมเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เพื่อไม่ให้แฟนบอลสิงห์บลูส์ลืมเรื่องราวของเจ้าของค่าตัวสถิติสโมสรกันเร็วเกินไป เรามาย้อนดูเรื่องราวตลอด 3 ปีครึ่งที่ ตอร์เรส ฝากไว้กับทีมกันดีกว่า
- ฤดูกาล 2010–11 -
วันที่ 27 มกราคม 2557 เงิน 40 ล้านปอนด์ถูกลิเวอร์พูลบอกปัดแบบไยดี 4 วันหลังจากนั้นข้อเสนอที่เพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านปอนด์ถูกตอบรับ ตอร์เรส สะบัดน้ำหมึกเซ็นสัญญายาว 5 ปีครึ่งในวันเดียวกัน
ทว่าตลอดครึ่งซีซั่นหลังนี้ไม่มีเรื่องราวน่าประทับใจแม้แต่น้อย แถมมีสถิติตีนบอดยาวนาน 903 นาทีที่กองหน้ารายไหนก็คงไม่อยากได้ติดมาด้วย
สรุป - 18 นัด 1 ประตู
- ฤดูกาล 2011–12 -
ตอร์เรส ออกสตาร์ทได้ดูดีกว่าซีซั่นก่อน ด้วยรูปร่างที่ดูปราดเปรียวและความเร็วที่เหมือนจะกลับมาดี ทว่าได้แค่เดือนเดียวทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม เริ่มจากลูกหลุดเดี่ยวที่ยิงใส่แมนฯยูไนเต็ด ออกไปไกล ตามด้วยใบแดงในเกมกับสวอนซี ทำให้ทุกอย่างพังทลายทันตา โดยมีช่วงหนึ่งที่เขายิงไม่เป็นถึง 24 นัดติดต่อกัน
เรื่องราวที่น่าจดจำที่สุดในปีนี้ของตอร์เรส เห็นจะเป็นแฮตทริกแรกกับทีมในเดือนเม.ย. 2012 และประตูย้ำชัยใส่ บาร์เซโลน่า พาทีมลิ่วสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนมีส่วนร่วมในรอบชิงฯและคว้าแชมป์ในบั้นปลาย พ่วงด้วยเอฟเอ คัพ อีกใบ
สรุป - 49 นัด 11 ประตู
- ฤดูกาล 2012-13 -
นี่คือซีซั่นที่ผลงานส่วนตัวของตอร์เรสกับเชลซีดีที่สุด เขาออกสตาร์ทได้สวยอีกครั้ง ประเดิมประตูแรกได้ตั้งแต่เดือนส.ค. พาทีมนำจ่าฝูงในช่วงต้นฤดูกาล แถมการจากไปของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา บวกด้วยการเข้ามาของ "เอล ราฟา" ทำให้โอกาสลงสนามของเขายิ่งมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตอร์เรส ยังคงมีช่วงฝืดเหมือนเดิม เขาร้างสกอร์นานถึง 11 ชั่วโมงตอนกลางซีซั่น แต่อย่างน้อยเขาก็มีสถิติ "นักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้7 รายการในซีซั่นเดียว" หลังทำประตูใส่สเตอัว บูคาเรสต์ ในศึกยูโรป้า ลีก เมื่อเดือนมี.ค. หอกสแปนิชจบซีซั่นได้สวยงาม ด้วยประตูในรอบชิงชนะเลิศบอลยุโรปถ้วยเล็ก พาทีมชนะเบนฟิก้า 2-1 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
สรุป - 64 เกม 22 ประตู
- ฤดูกาล 2013-14 -
การกลับมาคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ ที่หอบหิ้ว ซามูเอล เอโต้ อดีตศิษย์รักมาด้วย ทำให้โอกาสลงสนามของตอร์เรสลดลงถนัดตา เขายิงประตูในศึกยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ได้ แต่เดือนถัดก็มาโดนใบแดงในเกมลีก ทำให้เขาโดนไล่ออกตลอด 3 ฤดูกาลหลังกับทีม
เอล นินโญ่ ยิงคนเดียว 2 ประตู ในเกมที่เขาลงเล่นตัวจริงให้กับเชลซีเป็นนัดที่ 100 เอาชาลเก้ 04 3-0 แต่จากนั้นฟอร์มของเขาก็แย่ลงต่อเนื่อง โอกาสลงตัวจริงน้อยนิด ยามได้โอกาสก็เค้นฟอร์มไม่ออก และจบซีซั่นไปแบบมือเปล่า
สรุป - 41 นัด 11 นัด
รวมแล้วตลอด 3 ปีครึ่งกับเชลซี ตอร์เรส ลงสนามไป 172 นัด ยิงไป 45 ประตู และไม่เคยมีซีซั่นไหนเลยที่เขายิงในลีกได้ถึงเลข 2 หลัก เรียกว่าแตกต่างจากยามเล่นให้ลิเวอร์พูลชัดเจน ที่นั่นเขายิงไปทั้งสิ้น 81 ประตู ในช่วง 3 ปีครึ่งเท่ากัน
"ไม่มีงานเลี้ยงใด ไม่มีวันเลิกรา" คำกล่าวนี้ยังคงเป็นอมตะ งานเลี้ยงที่เชลซีของตอร์เรสอาจจะกร่อยสุดๆ ทว่าด้วยวัย 30 ปีเขายังมีโอกาสจัดงานเลี้ยงใหม่ให้สนุกได้อยู่
การเลือกยุติงานเลี้ยงนี้ แล้วไปตามหาความสุขจากที่อื่น เป็นสิ่งที่ตอร์เรสต้องตัดสินใจเลือก และแม้ผลงานที่เขาฝากไว้กับ "สิงห์บลูส์" จะไม่ชวนจดจำนัก
แต่ก็เชื่อว่าแฟนบอลเลือดน้ำเงินคงไม่ใจร้ายเกินไป และน่าจะอยากเห็นเขาไปได้ดีกับมิลาน เช่นเดียวกับแฟนบอลทั้งโลกที่ต่างเฝ้ารอดูวันที่ตอร์เรสจะกลับมายิงกระจุย สร้างสีสันให้วงการแบบที่เขาเคยทำได้เมื่อ 5-6 ปีก่อนอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น